อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 622 ไร้เทียมทาน
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
บรรยากาศในทีมตอนนี้เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ
“พี่ใหญ่ พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วนะ คุณจะทิ้งพวกเราง่ายๆแบบนี้เลยหรอ?” แมวขี้เกียจเริ่มน้ำตาคลอ ตาของเธอแดงมาก
ควีนพูดอย่างสงบ “ตอนพวกเราสร้างทีมขึ้นมา ฉันบอกทุกคนไปแล้วว่าเป้าหมายของฉันคืออะไร ทั้งหมดที่ฉันต้องการก็คือการฆ่ามอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเลือดศักดิ์สิทธิ ฉันไม่ได้ตั้งกลุ่มมาเพราะต้องการความอบอุ่นหรือมิตรภาพ นี่คือความตั้งใจของฉัน”
หลังจากควีนพูดจบ เธอก็หันหลังและก็เดินออกจากห้องไป
ทรราชกำหมัดแน่น แต่เขาไม่พูดอะไร อิจฉาสวรรค์ได้แต่ยืนนิ่ง ขณะที่แมวขี้เกียจเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาแล้ว
หวงฟูผิงชิงกระตุกแขนเสื้อหานเซิ่น จากนั้นเขาก็ตามควีนออกไป ถึงเธอจะออกมาเร็ว แต่ดูเหมือนจะไม่เร็วเท่าควีน ในตอนที่ออกมาควีนก็ออกจากเมืองไปแล้ว
“บางทีฉันก็ไม่เข้าใจหล่อนเลยจริงๆ” หวงฟูผิงชิงถอนหายใจ
“หล่อนน่าจะมีเหตุผลถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ คุณลองคุยกับหล่อนดูสิ” หานเซิ่นพูดด้วยใบหน้าสับสน
ควีนถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลหวงฟู เป็นธรรมดาที่หานเซิ่นจะคิดว่าหวงฟูผิงชิงน่าจะพูดคุยกับเหล่อนได้
หวงฟูผิงชิงยิ้มอย่างขมขื่น เธอส่ายหัว “ในสถาบันเอเรสมีแค่ 2 คนเท่านั้น ที่สนิทพอจะพูดคุยและถามเรื่องส่วนตัวของหล่อนได้”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาเข้าใจว่าเธอคงจะหมายถึงหวงฟูสงเฉิงและฟูชิงเหมย
“ผมจะไปที่ภูเขาเวหา เนื่องจากแผนที่จะไปช่วยกันล่าพังไปแล้ว กลัวว่าผมจะปกป้องคุณไม่ได้ คุณควรรออยู่ที่เมืองจะดีกว่า” หานเซิ่นพูด
ครั้งนี้เธอไม่ได้ดื้อดึง เธอพยักหน้า
หลังจากแยกกับหวงฟูผิงชิงแล้ว หานเซิ่นก็ควบโกลเด้นโกรวเลอร์ตรงไปที่ภูเขาเวหาทันที เขาไม่ค่อยสนใจความคิดของคนอื่น ยังไงแผนการของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงถึงจะเจอเรื่องดราม่าแบบนั้น
หานเซิ่นออกจากเมืองทรายขาว จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่เขตภูเขาเวหาทันที ไม่นานก็มีคน 3 คนมาขวางทางของเขาไว้ พวกเขาคือทรราช อิจฉาสวรรค์และแมวขี่เกียจ
“ในบรรดาพวกเรา 3 คน ฉันต้องการให้นายเลือก 1 คน” ทรราชพูดอย่างใจเย็น
“เลือก 1? เพื่ออะไร?” หานเซิ่นทำหน้างง
“ต่อสู้ ถ้านายเอาชนะหนึ่งในพวกเราได้ ฉันจะให้นายเข้าร่วมทีม” ทรราชตอบด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิ
หานเซิ่นหัวเราะ “โทษที แต่ฉันไม่ได้ต้องการเข้าร่วมทีมเลย และฉันก็ไม่สนใจจะสู้ด้วย”
แม้พวกเขาทั้ง 3 คนจะเแข็งแกร่งและปลดล็อคยีนได้ แต่หานเซิ่นก็ยังคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปร่วมทีมกับพวกเขา พวกเขายังไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสุดยอด
หลังจากที่พูดจบ หานเซิ่นก็ต้องการจะเดินทางต่อ
แมวขี้เกียจดูจะโกรธหานเซิ่นมาก เธอเรียกมีดวิญญาณอสูรออกมา และโจมตีใส่หานเซิ่นอย่างรุนแรง
“ยังจะมีหน้ามาพูดอีกหรอ? นายเป็นคนทำให้ทีมของเราต้องพังทลาย! ฉันจะฆ่านายทิ้งซะตรงนี้ ตายซะ!”
แมวขี้เกียจรวดเร็วมาก มีกระแสลมปรากฏให้เห็นขณะที่เธอวิ่ง ความเร็วของเธอเหนือกว่าผู้วิวัฒนาคนอื่นๆที่เขาเคยเห็นมา แต่เธอก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับเสือขาว
เคร๊ง!
หานเซิ่นไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขาเรียกดาบมาสค็อตออกมา และก็ฟันกลับไปด้านหลังเพื่อหยุดมีดของแมวขี้เกียจเอาไว้
แมวขี้เกียจถอยหลังกลับมา จากนั้นเธอก็หมุนเหมือนกับพายุทอร์นาโด และเข้าโจมตีหานเซิ่นจากอีกด้าน มีดของเธอเล็งไปที่คอของเขา
ตัวของหานเซิ่นไม่ได้ขยับ แต่ดาบของเขาก็เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาฟันแบบชิวๆเพื่อหยุดมีดของแมวขี้เกียจ
แมวขี้เกียจเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับสายลม เธอมีพลังงานที่เหลือล้น เธอเรียกมีดออกมาอีกเล่มหนึ่ง จากนั้นก็เล็งไปที่ข้อมือของหานเซิ่น
หานเซิ่นลดมือลง และใช้ด้ามของดาบมาสค็อตสกัดมีดของเธอเอาไว้
แมวขี้เกียจยังไม่เลิกลา เธอหมุนราวกับพายุเฮอริเครนไปรอบๆตัวหานเซิ่น มีดทั้ง 2 ของเธอแทงและฟันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
แต่หานเซิ่นก็ยังอยู่อย่างสงบ เขาใช้ดาบแค่เล่มเดียวในมือสกัดการโจมตีของเธอทั้งหมด เขาแม่นยำราวกับเครื่องจักร การตอบสนองของหานเซิ่นดูชิวๆสบายๆ
เสียงการปะทะกันของมีดและดาบดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ว่าเธอจะโจมตีหนักแค่ไหน หานเซิ่นก็รับมือได้หมดทุกกระบวนท่า แมวขี้เกียจไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของเขา
หลังจากที่ทรราชและอิจฉาสวรรค์เห็นการต่อสู้ของแมวขี้เกียจ พวกเขาก็ต้องการจะเข้าไปร่วมด้วย แมวขี้เกียจมีพลังธาตุลม และมีดของเธอก็เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่หานเซิ่นกลับรับมือแบบชิวๆ ซึ่งมันทำให้พวกเขาคิดว่าหานเซิ่นมีพลังที่ไม่ธรรมดา
“แมวถอยออกมาก่อน!” อิจฉาสวรรค์ชักกระบี่ของเขาออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นพร้อมกับไอเย็น คนคนนี้มีพลังน้ำแข็ง
“นี่เป็นคู่ต่อสู้ของฉัน ปล่อยให้ฉันรับมือเอง!” แมวขี้เกียจยังอารมณ์ร้อนอยู่ หานเซิ่นทำลายสายสัมพันธ์ของทีม เธออยากจะฆ่าหานเซิ่นให้ได้
ดาบมาสค็อตของหานเซิ่นยังคงสกัดการโจมตีของเธอได้หมดทุกกระบวนท่า แต่เมื่ออิจฉาสวรรค์เข้ามาร่วมด้วย หานเซิ่นก็ต้องเรียกวิญญาณอสูรอสรพิษเนตรเงินออกมา
กระบี่ของอิจฉาสวรรค์บางและยืดหยุ่นมาก มันพลิ้วไหวราวกับแส้ เมื่อเขาเข้ามาใกล้หานเซิ่นบริเวณนี้ก็ถูกไอเย็นเข้าปกคลุม พื้นดินกลายเป็นหิมะ
แต่โชคร้ายที่พลังไอเย็นของเขาไม่ได้มีผลอะไรกับหานเซิ่นเลย หานเซิ่นสำเร็จวิชากายหยกขั้นแรกแล้วกับแค่ความเย็นระดับนี้มันไม่คณามือเขาเลย และวิชากระบี่ของอิจฉาสวรรค์ก็ยังด้อยกว่าวิชาดาบของเขาอีกด้วย
หลังจากที่เขาปลดล็อคยีนด้วยวิชากายหยก ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นอกจากความเร็วแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมากด้วย
ความเร็วของเขาไม่ได้ด้อยกว่าแมวขี้เกียจ ส่วนด้านอื่นๆเขาเหนือกว่าทั้งหมด ความสามารถของหานเซิ่นสมดุลในทุกด้าน เขาไม่ได้ด้อยหรือมีจุดอ่อนในด้านไหนเลย เขาแข็งแกร่งในทุกด้าน
แม้จะต้องรับมือกับคน 2 คน แต่หานเซิ่นก็ยังไม่ตกเป็นรอง เขาไม่แม้แต่จะตอบโต้กลับไป เขาแค่อยู่กับที่ขณะรับมือพวกเขา ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะโจมตี แค่ตั้งรับไปเรื่อยๆก็พอ
สีหน้าของทรราชเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ขณะที่เขาได้เห็นการต่อสู้ ตอนแรกเขาเอาแต่ดูถูกและประเมินหานเซิ่นต่ำเกินไป เขาเชื่อว่าคนคนนี้ไม่มีค่าพอ เขาไม่เคยคิดว่าหานเซิ่นจะมีพลังถึงขนาดนี้ การต่อสู้กับคน 2 คนได้แบบชิวๆโดยไม่มีเหงื่อออกเลยนี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป
จนถึงตอนนี้หานเซิ่นก็ยังไม่ตอบโต้
ทรราชกัดฟัน ร่างกายของเขาส่องแสงสีทองออกมา เขาเรียกวิญญาณอสูรหอกเลือดศักดิ์สิทธิออกมา จากนั้นเขาก็เข้าไปโจมตีหานเซิ่น
เคร็ง!
ดาบมาสค็อตของหานเซิ่นปะทะกับหอกสีดำของทรราช ทั้งดาบและหอกต่างก็กระเด็นกลับไป ไม่มีฝ่ายไหนเหนือกว่าชัดเจน
ทรราชเข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วย พวกเขา 3 คนช่วยกันสู้กับหานเซิ่น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ แต่แค่มองดูก็น่ากลัวมากแล้วที่เห็นคนคนเดียวกำลังรับมือกับ 3 ยอดฝีมือด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์แบบนี้
ความเร็วของหานเซิ่นไม่ได้ด้อยกว่าแมวขี้เกียจ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยกว่าทรราช ส่วนพลังไอเย็นของอิจฉาสวรรค์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาต้องเจอกับผู้วิวัฒนาการที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาดูจะแข็งแกร่งกว่าควีนซะอีก
ภายใต้การกระหน่ำโจมตีจากคน 3 คน ดาบของหานเซิ่นก็เคลื่อนไหวราวกับเต้นระบำ มันทั้งเร็ว แม่นยำและเฉียบขาด ยิ่งสู้กันนานเท่าไหร่ พวกเขา 3 คนก็เริ่มสิ้นหวัง ตอนนี้การโจมตีของพวกเขาเริ่มช้าลงเรื่อยๆแล้ว
หานเซิ่นเริ่มใช้วิชาดาบคู่ขั้นสูงสุดของเขาแล้ว เขาคิดว่าจะตั้งรับต่อไปตลอดกาลเลยก็คงไม่ได้ เขาต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง ดาบของเขาหนักแน่นเหมือนขุนเขา พลิ้วไหวราวกับสายลม พลังของดาบในมือแต่ละข้างของเขาสูงจนไม่น่าเชื่อ คู่ต่อสู้ของเขาถูกไล่ต้อนให้ถอยหลังไป ดูเหมือนหานเซิ่นกำลังจะได้รับชัยชนะ
คอมเม้นต์