อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 464 โบราณสถานคริสตัลไลเซอร์
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
“หานเซิ่นและกลุ่มเทพธิดายึดเมืองสปิริตได้แล้ว!”
“เห้ยย เรื่องจริงหรอเนี่ย?”
“เรื่องจริงแน่นอน มีคนอยู่ในเมืองนั้นแล้ว เหมือนว่ากลุ่มเทพธิดาจะใช้ที่นั้นเป็นฐานบัญชาการ และประตูเมืองมีคำว่า ‘กลุ่มเทพธิดา’ ถูกสลักเอาไว้ด้วย”
“บ้าชัดๆ ยึดเมืองสปิริตขุนนางด้วยคน 20 คนเนี่ยนะ? ฟังมาผิดแล้วมั้ง พวกเขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”
“ไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้ไง แต่ที่รู้ๆก็คือต้องมีคนเสียใจแน่”
“นายหมายความว่าไง? เสียใจเรื่องอะไร?”
“คนส่วนมากที่อยู่ที่นี่ต่างก็เคยเป็นสมาชิกกลุ่มเทพธิดามาก่อน สุดท้ายพอหานเซิ่นบอกว่าจะบุกยึดเมืองสปิริต คนส่วนมากก็ถอนตัวกันหมด และตอนนี้พวกเขาก็ยึดเมืองสปิริตได้แล้ว สมาชิกกลุ่มเทพธิดาสามารถใช้ห้องของตัวเองที่อยู่ในเมืองได้อย่างอิสระ ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังมีเนื้อจำนวนมากให้กิน ถึงขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่ควรเสียใจอีกหรอ?”
“แน่นอนว่าใครๆก็เสียใจ แต่ยังไงหานเซิ่นก็ต้องรับคนเพิ่มแน่ ตอนนี้กลุ่มเทพธิดามีสมาชิกแค่ 20 คน ดังนั้นมันยากมากที่พวกเขาจะสามารถบริหารจัดการเมืองได้ เชื่อสิว่ายังไงพวกเขาก็ต้องรับคนเพิ่ม”
“หานเซิ่นบอกไว้ไม่ใช่หรอว่าเขาจะไม่รับคนที่ตัดสินใจถอนตัวออกมา ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆแน่”
“แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น.. จะทำให้คนจำนวนมากโกรธเอาได้นะ!”
“เขายังต้องกลัวใครอีกล่ะ ขนาดคนของกลุ่มสตาร์ยังเคารพเขาขนาดนั้น เขาบอกว่าจะยึดเมืองสปิริต เขาก็ทำมันเลย ฉันคิดว่าเบื้องหลังของเขาคงไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ เขาคงไม่กลัวใครทั้งนั้น ฉันพนันได้เลยว่าถ้ามีคนไปหาเรื่องหานเซิ่น พวกเขาจะต้องเสียใจภายหลังแน่ ส่วนตอนนี้พวกเราเองก็แย่เหมือนกัน ถ้าพวกเราต้องการเข้าไปอยู่ในเมืองก็คงต้องจ่ายค่าคุ้มครองแพงแน่ๆ ถ้าพวกเราต้องการห้องด้วยก็ยิ่งต้องโดนชาร์จค่าเช่ามหาโหดแน่ ขณะที่สมาชิกกลุ่มเทพธิดาก็คงเสพสุขกับเนื้อและค่าธรรมเนียมต่างๆ”
“ฮาฮา มาพูดทีหลังแบบนี้ใครก็พูดได้ ใครมันจะไปรู้อนาคต มันเสี่ยงขนาดไหนการจะบุกไปยึดเมืองสปิริตขุนนาง”
“เสี่ยงตรงไหนล่ะ? หานเซิ่นพาคนไปกี่คน? เขาพาคนไปแค่ 20 คน พวกเขาสามารถยึดเมืองได้โดยไม่มีใครตายเลย คนที่แย่ที่สุดก็ยังได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
“หานเซิ่นคนนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ เขาทำแบบนั้นได้ยังไง? เขาเป็นแค่ผู้วิวัฒนาการหน้าใหม่ที่เข้ามาในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ยังไม่ถึง 2 เดือนเลย แต่เขาสามารถยึดเมืองสปิรตขุนนางได้ง่ายๆ ด้วยคนแค่ 20 คน บ้าไปแล้ว”
“ไม่งั้นลุงชิงจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาขนาดนั้นหรอ? ถ้าเขาไม่เก่งจริงๆ”
ข่าวที่หานเซิ่นยึดเมืองสปิริตได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว คนจำนวนมากเดินทางไปที่เมือง แต่กระนั้นถ้าพวกเขาต้องการอยู่ในเมืองอย่างปลอดภัยหรือต้องการเช่าห้อง พวกเขาก็ต้องจ่ายแพง ซึ่งค่าธรรมเนียมเหล่านั้นจะเป็นรายได้หลักของกลุ่มเทพธิดา แน่นอนว่าส่วนมากก็คงจะเข้ากระเป๋าของหานเซิ่นที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ไม่งั้นหานเซิ่นคงจะไม่กระตือรือร้นจะยึดเมืองสปิริตมากขนาดนี้
หลังจากที่ประตูเมืองถูกปิดสนิท แม้แต่มอนสเตอร์กลายพันธ์ก็ยากที่จะบุกเข้ามาได้ แน่นอนว่าการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองปลอดภัยกว่าข้างนอกมาก ยิ่งกว่านั้นในเมืองยังมีพื้นที่สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยน มีเครื่องเทเลพอร์ตส่วนตัว พวกคนรวยๆรวมถึงพวกพ่อค้าแม่ค้าก็คงยินดีจ่ายอยู่แล้ว
หานเซิ่นลองคำนวณอย่างง่ายๆ สถานที่แห่งนี้มีคนอยู่แค่ 300-400 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ง่ายมากที่เขาจะทำเงินได้หลายล้าน จากการเก็บค่าเช่าและค่าคุ้มครอง
ถ้าเขาทำธุรกิจหรือขายเนื้อภายในเมืองด้วย เขาก็ยิ่งได้เงินมากขึ้นไปอีก แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ไม่ได้สนใจ เขาไม่ต้องการเสียเวลา ดังนั้นเขาเลยขอให้หยางม่านลี่ดูแลเรื่องต่างๆแทน
การบุกเมืองครั้งนี้พวกเขาได้เนื้อมาจำนวนมาก มีเนื้อของมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ถึง 6 ตัว และยังมีเนื้อของมอนสเตอร์ระดับโบราณอีกเป็น 100 หานเซิ่นไม่ได้ขายเนื้อให้กับคนนอก แต่เขาแบ่งให้กับคนในกลุ่มเทพธิดาที่ติดตามเขาบุกเมือง
ยังไงพวกเขาก็ต้องเสี่ยงมากที่เลือกติดตามหานเซิ่นมา พวกเขาสมควรได้รับรางวัล หานเซิ่นเก็บเนื้อมอนสเตอร์กลายพันธ์ไว้ด้วยส่วนหนึ่ง ถ้ารวมกับเนื้อของอีวิวบลัดคอนดอร์ เขาสามารถอยู่ไปได้อีก 2-3 เดือน
เนื่องจากการยึดเมืองครั้งนี้ไม่ได้ยากสำหรับเขา หานเซิ่นเลยแทบไม่ได้ให้ซีโร่ทำอะไรเลย นอกจากคอยช่วยไม่ให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เขายังไม่อยากให้ใครรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงๆของซีโร่ เพราะเธอดูเด็กมากเกินไป แค่เธอมาอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 2 ทุกคนก็แปลกใจกันมากแล้ว มันจะไม่ดีถ้าซีโร่โชว์ความสามารถมากเกินไป การปิดบังเรื่องความสามารถซีโร่ไว้จะปลอดภัยกว่า
หลังจากที่หานเซิ่นจัดการทุกอย่างในเมืองจนเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาก็ออกเดินทางไปอีกฝากของเมือง เขาต้องการดูให้แน่ใจว่ามีมอนสเตอร์กลายพันหรือเมืองของมนุษย์อยู่ใกล้ๆรึเปล่า แต่ทว่าหลังจากที่เขาเดินทางข้ามภูเขาไปหลายลูก และเดินทางไปไกลเป็น 100 ไมล์ เขาก็เป็นเจอเพียงแค่ทุ่งน้ำแข็ง และก็พื้นหิมะเท่านั้น ไม่มีมนุษย์อยู่ในละแวกนี้เลย
เมื่อเห็นงูที่มีความยาวอย่างน้อยๆก็ 300 ฟุต กำลังเลื้อยอยู่บนทุ่งน้ำแข็งจากระยะไกล หานเซิ่นก็ถอยหนีทันที ระหว่างทางหานเซิ่นเจอมอนสเตอร์แปลกๆมากมาย แต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา ถึงจะไปเจอมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะได้ ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ขั้นสุดยอด
“เนื้อของอีวิลบลัดคอนดอร์ถูกกิน คุณได้รับ 1 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ”
หลังจากกินเนื้ออีวิลบลัดคอนดอร์ไปทั้งวัน ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ แต่อย่างไรก็ตามมันช้าเกินไปกว่าจะได้แต่ละจีโนพ้อย สุดท้ายเขาก็ต้องให้อาร์คเเองเจิลกินมันแทน เนื่องจากเขาทนกินอะไรซ้ำแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว
ข้อดีของการเป็นหัวหน้ากลุ่มก็คือหานเซิ่นไม่ต้องสู้กับพวกมอนสเตอร์สามัญและโบราณด้วยตัวเอง เขาก็มีเนื้อให้กินอย่างสบายๆ
หานเซิ่นเลือกมอนสเตอร์สามัญและโบราณตัวเล็กที่สุดมากิน ทำให้เขาได้จีโนพ้อยจำนวนมากในแต่ละวัน ซึ่งเขาจะได้รับความแข็งแกร่งเร็วกว่าการกินขาอีวิลบลัดคอนดอร์
‘เราจะต้องเก็บจีโนพ้อยสามัญกับโบราณให้เต็มก่อน ถ้าเก็บได้เต็มแล้วระดับความแข็งแกร่งของเราจะเพิ่มขึ้นมาก’ หานเซิ่นไม่คิดจะเร่งรีบวิวัฒนาการ เขาเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่เพื่อกินเนื้อสามัญและโบราณทุกๆวัน และก็กลับมาอ่านหนังสือบนยานแดฟเน่ ถ้ามีเวลาเหลือ
เมื่อยานแดฟเน่มาถึงจุดหมายปลายทาง หานเซิ่นก็มี 84 จีโนพ้อยสามัญ 35 จีโนพ้อยโบราณและ 1 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ 80+ ถ้าเขาใช้ทุกอย่างช่วยเขาจะสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งไปเกิน 90 ได้เป็นเวลาสั้นๆ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าแดฟเน่จะมาถึงโบราณสถานของคริสตัลไลเซอร์แล้ว
เดิมทีหานเซิ่นคิดว่าโบราณสถานของพวกคริสตัลไลเซอร์น่าจะต้องเป็นเมืองหรือพวกสิ่งก่อสร้างแบบโบราณ แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นโบราณสถานของคริสตัลไลเซอร์ของจริง เขาก็ตระหนักว่าความคิดของเขามันช่างไร้เดียงสาจริงๆ
เมื่อมองดูดาวที่เหมือนกับเพชร หานเซิ่นก็รู้สึกช็อคเกินกว่าที่เขาจะบรรยายได้ ดาวดวงนี้มีขนาดใหญ่กว่าดาวรูก้าถึง 10 เท่า ซึ่งมันคือโบราณสถานที่พวกเขาต้องสำรวจ
อารายธรรมของพวกคริสตัลไลเซอร์กระจัดกระจายอยู่ทั่วดาวดวงนี้ สถาปัตยกรรมบนดาวดวงนี้แตกต่างจากของมนุษย์ โทนสีของสถาปัตยกรรมของพวกคริสตัลไลเซอร์นั้นผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้แค่ได้มองเห็นก็ต้องอ้างปากค้างแล้ว
ขณะที่หานเซิ่นกำลังตะลึงกับความงามและความยิ่งใหญ่ของโบราณสถาน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานความร้อนจากอกของเขา เขารู้สึกช็อค หานเซิ่นรีบเอื้อมมือไปหยิบจี้แมว 9 ชีวิตในเสื้อทันที ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนจับไข่ที่เพิ่งถูกลวกมามาดๆ แมว 9 ชีวิตปลดปล่อยพลังงานความร้อนสูงออกมา ยิ่งเข้าใกล้โบราณสถานของคริสตัลไลเซอร์ จี้แมว 9 ชีวิตก็ยิ่งร้อนขึ้น เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดาว จี้แมว 9 ชีวิตก็เกือบจะลุกไหม้
คอมเม้นต์