อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 540 เรียนรู้ศาสตร์ตงเสวียน


แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios

 

หานเซิ่นเฝ้าสังเกตเสวียอี้หยางอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเสวียอี้หยางได้เรียนวิชากายหยกมารึเปล่า ผิวของเขาก็ดูเรียบเนียนดี แต่ถ้าจะดูแค่ความเรียบเนียนของผิว คนอื่นๆที่มาร่วมงานก็ล้วนแล้วแต่มีผิวพรรณที่ดีกันทั้งนั้น

 

มันเหมือนกับว่าใครก็ตามที่ฝึกวิชาชี่กงก็จะมีผิวที่ดี หานเซิ่นรู้สึกโล่อก ยังไงเขาก็คงไม่เป็นที่ผิดสังเกตอย่างแน่นอน

 

หานเซิ่นต้องการจะถามเกี่ยวกับตระกูลเสวียมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ถาม การพูดบนเวทีก็เริ่มซะก่อน ทุกคนเงียบกันหมด หานเซิ่นต้องกลืนคำถามลงคอไปก่อน และเปลี่ยนไปตั้งใจฟังบนเวทีแทน

 

คนที่พูดคนแรกคือผู้หญิงที่ชื่อว่า หลินเวยเวย หานเซิ่นไม่รู้ว่าเธออายุเท่าไหร่ ดูๆแล้วเธอก็น่าจะอายุไม่น้อย แต่ใบหน้าที่งดงามของเธอ ทำให้หานเซิ่นยากที่จะประมานอายุ

 

ผิวของเธอเรียบเนียนเหมือนกับหยก แม้แต้เส้นผมของเธอก็ดูเป็นประกายเงางาม

 

หัวข้อเรื่องที่เธอกำลังพูดคือวิชาโลกที่ 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาชี่กงโบราณ มันดูเป็นการพูดที่ยอดเยี่ยม เธอขึ้นไปพูดบนเวทีด้วยความรู้ความเข้าใจ และเธอก็ใส่ความเห็นของตัวเองลงไปด้วย

 

หานเซิ่นยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาโลกที่ 3 มาก่อน แต่หลังจากที่เขาได้ฟังเธอบรรยายแล้ว เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก

 

เหตุผลที่หานเซิ่นยังอ่านคัมภีร์ตงเสวียนไม่เข้าใจก็เพราะเขายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิชาโบราณ ทำให้เขาไม่สามารถตีความหมายในคัมภีร์ได้ และยังมีหลายส่วนที่เขียนไว้ด้วยคำศัพท์เฉพาะทาง ทำให้ยากที่จะอ่าน

 

โชคดีที่การบรรยายของหลินเวยเวยเป็นอะไรที่ฟังแล้วเข้าใจง่ายมาก หลังจากที่ฟังแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจคัมภีร์ตงเสวียนมากขึ้น เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของเธอ ตอนนี้หานเซิ่นถึงกับต้องเงี่ยหูฟัง เขากระตือรือร้นที่จะจับทุกคำพูดของเธอ

 

การพูดบนเวทีไม่เหมือนกับสิ่งที่หานเซิ่นจิตนาการไว้ในตอนแรก จีเหยียนหรันบอกเขาว่าวิชาชี่กงมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และสืบต่อกันมาถึง 7 ราชวงศ์ จนมาถึงราชวงศ์ซินก็ไม่มีใครรู้ว่าชี่กงหายสืบสูญไปตอนไหน

 

หลังจากที่มีการค้นพบก็อตแซงชัวรี่ วิชาชี่กงก็กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง

 

เนื่องจากมันคือวิชาโบราณที่เหมือนกับศาสตร์ตงเสวียน เนื้อหามันจึงเข้าใจได้ยาก หานเซิ่นคิดว่าวิชาชี่กงที่คนอื่นๆจะขึ้นมาพูดต่อไปก็น่าจะยากพอๆกัน

 

หลังจากได้ฟังการบรรยาย เขาก็พบว่าวิชาโลกที่ 3 ที่หลินเวยเวยพูดมานั้นถูกแปลจากภาษาโบราณมาเป็นภาษาทั่วไปของสหพันธ์ดวงดาวเรียบร้อยแล้ว แถมมันยังถูกดัดแปลงให้เข้ากับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ด้วย แม้แต่คนที่ไม่รู้ภาษาโบราณก็สามารถเข้าใจได้หลังจากที่ฟังเธอพูด

 

แม้หานเซิ่นจะไม่เคยเห็นวิชาโลกที่ 3 แต่หลังจากที่เขาได้ฟังหลินเวยเวยพูดเกี่ยวกับวิชาชี่กง มันก็เป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล มันดีกว่าการไปนั่งเรียกภาษาโบราณ

 

หานเซิ่นตั้งใจฟังการพูดอย่างมาก ตามที่หลินเวยเวยพูด วิชาชี่กงถือว่าเป็นวิชาไฮเปอร์จีโนอีกระดับหนึ่ง ซึ่งมันไม่เหมือนกับวิชาไฮเปอร์จีโนทั่วๆไป มันถูกออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของยีนในร่างกาย มันคือวิชาไฮเปอร์จีโนที่สามารถดูดซับพลังของจักรวาลได้

 

หัวใจหลักของวิชาชี่กงก็คือการทำให้ร่างกายของมนุษย์สามารถดูดซับพลังจากจักรวาลได้ ซึ่งมันจะทำให้ยีนแข็งแกร่งขึ้นได้โดยตรง

 

ตามทฤษฎียุคใหม่ มนุษย์จะต้องมีระดับความแข็งแกร่งเกิน 300 และได้รับสถานะสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ ถึงจะสามารถใช้วิชาชี่กงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถึงตอนนั้นชี่กงจะสามารถทะลวงโครงสร้างของยีนแต่ละยีนในร่างกายมนุษย์

 

ชี่กงมีประโยชน์ในทางพันธุศาสตร์ ซึ่งมันจะเป็นตัวช่วยมนุษย์ในการปลดล็อคยีน การจะไปถึงสถานะสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ มนุษย์จะต้องปลอดล็อคยีนของตัวเองให้ได้ก่อน ซึ่งถ้ามนุษย์คนไหนสามารถปลดล็อคยีนได้แล้ว ยีนของคนคนนั้นก็จะวิวัฒนาการไปอย่างก้าวกระโดด

 

แต่วิชาชี่กงบางวิชา ผู้ฝึกก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิก่อนที่จะฝึก พวกเขาจะสามารถปลดล็อคยีนได้เช่นกัน แต่ก็มีคนน้อยมากที่สามารถทำแบบนั้นได้ คนพวกนั้นจะต้องมีพรสวรรค์จริงๆ

 

แม้ผู้ฝึกจะไม่สามารถปลดล็อคยีนได้ก่อนที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิก็ตาม แต่การฝึกวิชาชี่กงก็จะช่วยให้ยีนของคนคนนั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ และหลังจากที่สามารถปลดล็อคยีนได้แล้ว ยีนของคนนั้นก็จะพัฒนาไปมากกว่าคนอื่นๆ

 

หลังจากที่หลินเวยเวยพูดสรุปเกี่ยวกับวิชาโลกที่ 3 หานเซิ่นก็กระตือรือร้นอยากที่จะฟังต่ออีก

 

จีเหยียนหรันสังเกตเห็นว่าหานเซิ่นตั้งใจฟังมาก เธอถาม “นายเคยเรียนโลกที่ 3 ด้วยหรอ?”

 

“ไม่” หานเซิ่นตอบ

 

จีเหยียนหรันเองก็คิดว่าเขาไม่น่าจะได้เรียนมันมาก่อน เพราะวิชาโลกที่ 3 เป็นวิชาชี่กงลับเฉพาะ 4 ตระกูล เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่รู้ แต่ทำไมเขาถึงได้ดูสนใจนัก?

 

หลังจากที่หลินเวยเวยพูดจบ มันก็ถึงคิวของเสวียอี้หยางที่จะต้องขึ้นไปพูดบ้าง เขาขึ้นไปบนเวทีและก็เริ่มพูดเกี่ยวกับวิชาหัวใจหยก เนื้อหาที่เขาพูดมันเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และก็ระบบทางพันธุศาสตร์ หานเซิ่นสามารถเรียนรู้อะไรได้หลายอย่างหลังจากที่เขาฟัง

 

หัวใจหยกเป็นสิ่งที่หานเซิ่นค่อนข้างคุ้นเคย หลังจากที่ฟังเสวียอี้หยางพูด แม้หานเซิ่นจะไม่ได้เข้าใจมันทั้งหมด แต่เขาระดับความรู้ความเข้าใจของเขาก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ

 

หานเซิ่นไม่คาดคิดว่างานแลกเปลี่ยนจะมีประโยชน์ต่อเขาขนาดนี้ คำพูดของพวกเขาแต่ละคน ทำให้เนื้อหาในคัมภีร์ตงเสวียนไหลเข้ามาในหัวของหานเซิ่น มีหลายส่วนที่เขาไม่เคยเข้าใจมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจมันแล้ว

 

หัวใจของเขาเต้นรัว หานเซิ่นอยากจะฝึกศาสตร์ตงเสวียนซะตอนนี้เลย แต่เขาก็ต้องอดทน และตั้งใจฟังทุกคำพูดของคนที่ขึ้นไปพูดบนเวที เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจศาสตร์ตงเสวียนมากขึ้น

 

คนที่ขึ้นไปพูดบนเวทีในแต่ละวันจะมีทั้งหมด 13 คนจาก 4 ตระกูล ซึ่งงานจะจัดเป็นเวลา 3 วัน นั่นหมายความว่าจะมีวิชาชี่กงทั้งหมด 39 วิชาให้เรียนรู้

 

โชคร้าย คนที่ขึ้นไปพูดส่วนมากยังฝึกได้ไม่ถึงขั้น ทำให้พวกเขาพูดเกี่ยวกับความเห็นของตัวเองมากกว่าเนื้อหาของดั่งเดิม ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะเรียนรู้ได้ทั้งหมด แต่กระนั้นความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับวิชาชี่กงก็ทำให้หานเซิ่นประทับใจมากแล้ว

 

แม้แต่จีเหยียนหรันก็ยังรู้สึกแปลกใจที่เห็นหานเซิ่นสนใจฟังมากขนาดนี้ เธอรู้สึกมีความสุขมาก เพราะยิ่งหานเซิ่นเข้าใจหรือสนใจวิชาชี่กงมากเท่าไหร่ ในอนาคตมันก็จะง่ายเวลาที่เขาต้องฝึกวิชาชี่กง

 

3 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นรู้สึกว่ามันสั้นเกินไป แต่เขาก็ได้ความรู้มามากพอสมควร

 

หลังจากดูคัมภีร์ตงเสวียนอีกที เขาก็สังเกตว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการฟัง เป็นหลักพื้นฐานของศาสตร์ตงเสวียน แม้มันจะเป็นขั้นพื้นฐานที่สุดของศาสตร์ตงเสวียนก็ตาม แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้หานเซิ่นเข้าใจหลักของตงเสวียนได้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะต้องเริ่มฝึกยังไง แต่มันก็ยังมีอีกหลายอย่างที่หานเซิ่นไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าจะไปถามใคร

 

‘ศาสตร์ตงเสวียน ในที่สุดเราก็จะได้เริ่มฝึกมันจริงๆจังๆสักที แม้ตอนนี้เราน่าจะฝึกได้แค่พื้นฐาน แต่ตามที่พวกเขาพูด เราก็น่าจะฝึกจนถึงขั้นปลดล็อคยีนได้แล้ว สิ่งเดียวที่ยังไม่รู้ก็คือ มันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะถึงขั้นปลดล็อคยีนได้’ หานเซิ่นตื่นเต้นมาก หัวใจของเขาเต้นรัวไม่หยุด

 

เป็นธรรมดาที่หานเซิ่นจะคิดว่าการฝึกศาสตร์ตงเสวียนจะต้องยาก เพราะหลังจากที่เขาฟังหลินเวยเวยพูดเกี่ยวกับวิชาชี่กงที่เธอฝึก ซึ่งมันสามารถปลดล็อคยีนได้ 3-4 ขั้น แต่ศาสตร์ตงเสวียนสามารถปลดได้ถึง 10 ขั้น ความแตกต่างระหว่าง 2 วิชานี้มีค่อนข้างมาก ซึ่งเวลาที่จะต้องใช้ในการฝึกมันก็จะต้องสูงขึ้นด้วย

 

คอมเม้นต์

Chapter List