อ่านการ์ตูน อ่านมังงะ เรื่อง Super God Gene – ตอนที่ 657 ขุนพลคนที่ 13 ของกองกำลังเทพธิดา
แปลไทย ตอนล่าสุด อ่านฟรี manga มังงะญี่ปุ่น manhwa มังงะเกาหลี manhua มังงะจีน อัพเดทล่าสุดก่อนใคร มีให้เลือกอ่านฟรีมากมาย ทั้งบนแอพมือถือ แอนดรอย ios
ตอนนี้กองทัพของหลูฮุยเสียรูปขบวนไปหมดแล้ว โครงกระดูกช้างรวดเร็วเกินไป ทำให้พวกที่ขี่สัตว์อสูรไม่สามารถหลบได้ทัน มีคนจำนวนมากถูกมันเหยียบ พวกเขาแหลกเป็นชิ้นๆด้วยเท้าของช้าง
ตอนนี้ความกลัวเข้าไปฝังลึกอยู่ในหัวของทุกคน บางคนถึงขั้นควบคุมสติไว้ไม่อยู่ ความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของมอนสเตอร์ตัวนี้มันอยู่เหนือกว่าจินตนาการของพวกเขา แค่มันก้าวเดินแต่ละก้าว พวกเขาก็รู้สึกเสียวสันหลัง
“รีบอพยพคนออกจากเมืองเร็วเข้า” หลูฮุยสั่งการอย่างเยือกเย็น
ถ้าพวกเขายอมทิ้งเมืองไปเลยตอนนี้จะมีเหยื่อที่ถูกช้างตัวนี้ฆ่าตายอีกจำนวนมาก การสั่งอพยพคนในเมืองถือเป็นเรื่องที่ถูก เพราะจะช่วยลดความสูญเสียลงได้ อย่างน้อยๆถึงเมืองจะพังก็ไม่มีคนตาย
คำสั่งของหลูฮุยถูกส่งมาถึงเมืองปีศาจอย่างรวดเร็ว จากนั้นคนในเมืองก็อพยพกันทันทีโดยไม่รอช้า แต่โครงกระดูกช้างนั้นไวมาก มันมาถึงหน้าประตูก่อนที่คนกลุ่มหลักจะเก็บสัมภาระและหนีออกไปได้ทัน
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ถูกช้างตัวนี้เหยียบจะแหลกเป็นฝุ่นผง แม้แต่ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ยังเละไม่เหลือชิ้นดี หลังจากที่ถูกมันเหยียบ
ช้างดูจะบ้าคลั่งมาก ตลอดทางที่มันเดินมา มันฟาดงวงฟาดงาไปตลอดทาง ไม่ว่าต้นไม้หรือก้อนหินก็จะถูกบดขยี้จนเป็นชิ้นๆ เมื่อเห็นสิ่งที่น่ากลัวนี้หัวใจของทุกคนก็แทบจะหยุดเต้น พวกเขากลัวจนก้าวขาไม่ออก
หน้าของประชากรภายในเมืองซีดเหมือนกับกระดาษ ในขณะที่ช้างกำลังทำลายกำแพงเมือง พวกเขากลัวจนทำอะไรไม่ถูก
แต่ละก้าวที่มันเดินทำให้เกิดแผ่นดินไหว แม้แต่ตอนนี้ความเร็วของมันก็ยังไม่ได้ลดลง ด้วยขนาดที่ใหญ่เหมือนกับภูเขาลูกย่อมๆ มันไล่ชนกำแพงจนพังได้อย่างไม่ยากเย็น
“ไอ้ช้างยักษ์หน้าโง่! ฉันคือขุนพลคนที่ 13 ของกองกำลังเทพธิดา หวังอวี่ฮัง ทราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่แกจะไม่มีวันทำลายเมืองนี้สำเร็จ”
ขณะที่ช้างกำลังจะใช้งวงของมันทำลายประตูเมืองก็มีชายคนหนึ่งบินอยู่บนท้องฟ้า เขาดูจะเป็นความหวังสุดท้ายของทุกคน เขากำลังกระพือปีกด้วยความเร็วสูง เขาตะโกนไปที่ช้างราวกับเขาเป็นเทพ
ไม่น่าเชื่อขณะที่ช้างกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ได้ยินเสียงของเขา มันก็หยุดทันที มันหันไปมองชายคนที่อยู่บนอากาศ
ทุกคนอึ้ง เพราะไม่มียอดฝีมือคนไหนหรือแม้แต่ตัวหลูฮุยที่สามารถดึงความสนใจของช้างตัวนี้ได้เลย ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไงมันก็ยังตรงเข้าไปที่เมือง แต่พอเจอกับคนคนนี้ช้างกับให้ความสนใจเขา
“ไอ้ช้างหน้าโง่ไม่ได้ยินรึไง? หัวหน้าของฉันไม่มีทางปล่อยให้แกทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในเมืองนี้เด็ดขาด ถ้าแกแน่จริงก็ตามฉันมา กองกำลังเทพธิดาเตรียมหลุมฝังศพไว้ให้แกแล้ว!”
หวังอวี่ฮังตะโกนสุดเสียงเพื่อยั่วยุช้าง จากนั้นเขาก็กระพือปีกและบินหนีไป
ช้างส่งเสียงร้องออกมาทันที จากนั้นมันก็วิ่งตามหวังอวี่ฮังไป
ไม่มีใครอยากเชื่อสิ่งที่เห็น พวกเขาแทบไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นเหมือนกับสามารถพูดคุยกับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวขนาดนั้นได้ ทั้งๆที่มันไม่สนใจคนอื่นๆเลย แต่คนคนนั้นแค่พูดกับมันเท่านั้น เขายังไม่ทันได้โจมตีก็ทำให้มันวิ่งไล่ตามได้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
หลูฮุยและเหล่ยเฮิงหวู่ประหลาดใจ พวกเขารู้ดีว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังรู้อีกด้วยว่าหวังอวี่ฮังใช้ประโยชน์จากความซวยผิดมนุษย์ของเขา แม้พวกเขาจะรู้ว่าสำหรับหวังอวี่ฮังแล้วเรื่องแบบนี้ไม่น่าแปลกอะไร แต่พวกเขาก็ยังประหลาดใจอยู่ที่ดีได้เห็นแบบนั้น และพวกเขาก็ไม่อยากเชื่อด้วยว่าหวังอวี่ฮังจะยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อช่วยชีวิตคนในเมือง
“โอ้เหยดเข้! คนคนนั่นแม้งโคตรเจ๋งเลยว่ะ”
“กองกำลังเทพธิดาคงจะต้องเป็นกองกำลังแห่งเทพแน่นๆ มันฟังดูทรงพลังมาก!”
“พวกเขาคือเทพ!”
“พวกเขาโคตรเท่ กองกำลังเทพธิดาจงเจริญ”
“ถ้าขุนพลมีพลังถึงขนาดนั้น ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าหัวหน้าจะเก่งขนาดไหน?”
“นายลืมไปแล้วหรอว่าเขาบอกว่าเขาเป็นขุนพลคนที่ 13 นั่นหมายความว่าก่อนหน้าเขายังมีขุนพลที่น่าจะเก่งกว่าเขาอีก 12 คน ส่วนหัวหน้าก็คงจะฉีกท้องฟ้าได้เลยมั้ง”
“หวังอวี่ฮัง ฉันจะจำชื่อนี้ไว้”
“กองกำลังเทพธิดาช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้”
หานเซิ่นมอบปีกเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กให้กับหวังอวี่ฮัง ตอนนี้พวกเขาสามารถนำช้างออกไปห่างจากเมืองได้ แต่หานเเซิ่นไม่ได้คิดว่าหวังอวี่ฮังจะพูดอะไรแบบนั้นตอนที่ไปล่อช้างมา ซึ่งมันทำให้คนอื่นๆที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความซวยของเขาคิดว่าที่ช้างตามเขาไปก็เพราะมันเชื่อฟังคำพูดของเขา แต่ความจริงมันก็แค่ช้างคิดที่จะไล่ฆ่าชายผู้โชคร้ายคนนี้
หานเซิ่นและซีโร่บินล่วงหน้ามาก่อนแล้ว พวกเขาคิดว่าตอนนี้ช้างคงจะถูกหวังอวี่ฮังพาไปปล่อยไกลๆอยู่
แม้ช้างจะทรงพลังและเร็วมาก แต่ในเมื่อมันบินไม่ได้ มันจึงไม่ได้มีความอันตรายอะไร หลังจากที่พามันไปทิ้งไว้ไกลๆแล้ว หวังอวี่ฮังก็กลับมาพบกับหานเซิ่น
ช้างไล่ตามหวังอวี่ฮังไปไกลถึง 50 ไมล์ จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปสูงเสียดฟ้า หลังจากที่เขาหายตัวไปแล้ว ช้างก็วิ่งต่อไปโดยไม่สนใจเมืองปีศาจอีกต่อไป
“หัวหน้า ปีกนี่สุดยอดไปเลย สมกับเป็นปีกเลือดศักดิ์สิทธิเบอร์เซิร์กจริงๆ จะเป็นอะไรไหมถ้าผมอยากจะยืมมันไปบินเล่นสัก 2-3 วัน?” หวังอวี่ฮังถามพร้อมกับยิ้ม
“อย่าพูดนู้นพูดนี่เลย รีบส่งมันคืนมา! แล้วผมไปขอให้คุณพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” หานเซิ่นเอาวิญญาณอสูรกลับมาพร้อมกับถาม
“ฉันแค่กำลังโปรโมทกองกำลังเทพธิดาให้อยู่ การโปรโมทที่ดีที่สุดก็ต้องพึ่งปากของชาวบ้านนี่แหละ ตอนนี้คนคงลือกันไปต่างๆนาๆแล้ว” หวังอวี่ฮังหัวเราะ
“แล้วไอ้ขุนพลคนที่ 13 นั่นมันอะไรกัน?” หานเซิ่นถาม
“ฉันคิดได้สดๆเลย! ลองคิดดูสิ ถ้าใครได้ยินแบบนั้น พวกเขาคงจะต้องคิดว่ากองกำลังของพวกเรายิ่งใหญ่มากแค่ไหน ถึงขนาดที่ต้องให้ขุนพลเก่งๆถึง 13 คนช่วยดูแล และถ้าฉันเป็นคนที่13 คนส่วนมากก็จะคิดว่ามีอีก 12 คนที่เก่งกว่าฉัน ตอนนี้พวกเราดังแล้ว” หวังอวี่ฮังอธิบายด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นและภาคภูมิใจ
หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไงดี แต่เขาก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเมืองเทพธิดาและกองกำลังเทพธิดาเป็นที่รู้จัก การจะชวนคนเก่งๆเข้ามาร่วมด้วยก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หานเซิ่นยังไม่รู้ว่าเขาจะหาขุนพลอีก 12 คนได้ที่ไหน แต่จริงๆแล้วเขาไม่ต้องหาเลยก็ได้ เขาสามารถข้ามไปหาขุนพลคนที่ 14 ได้เลย ยังไงก็คงไม่มีเหตุผลที่คนอื่นจะมาสืบหาว่าใครคือขุนพลทั้ง 12
หานเซิ่นต้องการจะดูว่าช้างเบอร์เซิร์กต้องการจะไปไหน ดังนั้นเขาเลยตามมันไปห่างๆ
“อาเล็ก คุณรู้ไหมว่าข้างหน้าเราเป็นดินแดนแบบไหน?” หานเซิ่นถาม เขาต้องการจะตามช้างตัวนี้ไปให้ไกลที่สุด แต่ทางข้างหน้าเขาไม่คุ้นเคย
“อืมม ขอฉันคิดแปป…” หวังอวี่ฮังมองไปข้างหน้า จากนั้นสีหน้าของเขาก็ถอดสีทันที “ฉันคิดว่าน่าจะเป็นป่าลูกพีช”
“ป่าลูกพีชมันเป็นป่าแบบไหน?” หานเซิ่นถาม
“มันเป็นป่าที่มีต้นพีชอยู่เป็นส่วนมาก แต่ละต้นมีความสูงอย่างน้อยๆก็ 100 เมตร ถ้าอยู่บนพื้นก็แทบจะมองไม่เห็นยอดไม้เลยล่ะ ซึ่งคนที่เข้าไปที่นั่นก็มีแนวโน้มว่าจะหลงทาง ยิ่งกว่านั้นที่นั่นยังมีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คนส่วนมากจึงเข้าไปแล้วมักจะไม่ได้กลับออกมา”
จากนั้นหวังอวี่ฮังก็หยุด เหมือนเขากำลังใช้ความคิด
“แต่โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดอกไม้บานพอดี ถ้าไม่ใช่ฤดูที่ลูกพีชออกผล มันก็ไม่น่าจะมีอันตรายมาก”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น” หานเซิ่นดูจะงงๆ
“ใช่ ช่วงฤดูที่ลูกพีชออกผลจะมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมาที่นี่เพื่อลิ้มรสลูกพีส มันจึงเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดในการเข้าไปในป่าต้นพีช” หวังอวี่ฮังอธิบาย
“สรุปตอนนี้เป็นช่วงที่ดอกไม้บานใช่ไหม? แล้วทำไมช้างมันถึงได้มุ่งหน้าไปทางนั้น?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
คอมเม้นต์